The Murderer (2023) เมอร์เด้อเหรอ ฆาตกรรมอิหยังวะ

รีวิว The Murderer (2023) เมอร์เด้อเหรอ ฆาตกรรมอิหยังวะ

The Murderer เมอร์เด้อเหรอ ฆาตกรรมอิหยังวะ ภาพยนตร์สืบสวนคอมเมดี้สัญชาติไทย กำกับ เขียนบท และนำแสดง โดย หม่ำ จ๊กมก ที่ได้รับมือกับ ทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิล์ม จนลงจอ Netflix ให้ได้รับชมกัน เรื่องราวของคดีฆาตกรรมยกครัวในถิ่นอีสาน โดยมีนายฝรั่งเป็นผู้ต้องสงสัย และมีพยานค้านอย่างภรรยาของเขาเอง จนนำไปสู้ความตลกร้าย เสียดสี และบทสรุปหักมุมที่คาดไม่ถึง

หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องราวของ ณวัตน์ (รับบทโดยหม่ำ จ๊กมก) ตำรวจสืบสวนที่รับเรื่องให้มาดูแลคดีฆาตรกรรมของครอบครัวหนึ่ง ที่มีผู้เสียชีวิตอย่างปริศนา จนกระทั่งเขาได้สืบจนพบเบาะแสผู้ต้องสงสัยว่าเป็น เอิร์ล เขยฝรั่งของครอบครัวผู้ที่เสียชีวิตในครั้งนี้ เนื่องจากไม่เป็นที่ยอมรับกับครอบครัวจนตกเป็นผู้ต้องสงสัยกับพฤติกรรม จนกระทั่งได้มาสืบถามพยานในที่เกิดเหตุอย่าง ทราย ลูกสาวของบ้าน ซึ่งยืนยันว่า เอิร์ล ไม่ใช่ฆาตกรแน่นอน แต่แล้วความแคลงใจก็ทำให้เธอเริ่มสงสัยว่าสามีของเธออย่างเอิร์ลนั้นจะเป็นฆาตรกรจริงๆ หรือไม่ และมีแค่เธอเท่านั้นที่จะช่วยอำพรางคดีนี้ได้

จุดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ที่การผสมผสานระหว่างแนวสืบสวนและคอมเมดี้ได้อย่างลงตัว ภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอเรื่องราวการสืบสวนคดีฆาตกรรมที่เข้มข้นและชวนติดตาม แต่ก็มีมุกตลกแทรกอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ที่สำคัญตัวหนังยังสะท้อนให้เห็นถึงสังคมอีสานได้อย่างน่าสนใจ ทั้งวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวอีสาน วัฒนธรรมท้องถิ่น และประเพณีต่างๆ รวมถึงปัญหาที่พูดคุยแก้ไขปัญหาสไตล์ชาวบ้าน แต่ก็เข้าใจความรู้สึกของทุกตัวละครที่เกี่ยวข้องได้เป็นอย่างดี

ในช่วงแรกของเรื่อง ท้าวสีห์ เริ่มสืบสวนคดีนี้อย่างลับๆ จนค่อยๆ ได้รับเบาะแสหลายอย่างที่มั่นใจได้ว่าฆาตรกรคือใครกันแน่ และปมปัญหาที่เกิดขึ้นจาก ปัญหาความรุนแรงในครอบครัว ปัญหาการพนัน และปัญหายาเสพติดในสังคมรากหญ้าทั่วไปของไทย จึงสามารถสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของสังคมไทยและครอบครัวได้อย่างตรงไปตรงมา

ที่สำคัญยังถ่ายทอดความตลกร้ายของสังคมไทยที่มีค่านิยมกันว่าต้องมีเขยฝรั่ง เพราะรวยมีเงินใช้ สามารถช่วยครอบครัวให้สบาย และเปรียบสาวไทยว่าเป็นกุลสตรีที่มีหน้าที่แค่คอยดูแลบ้าน คอยบำเรอให้สามีที่มีเงินให้ใช้อยู่ตลอด ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่เสียดสีสังคมไทยได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกับชาวบ้านตามต่างจังหวัดที่ก็มีแนวคิดแบบนี้กันจริงๆ ตั้งแต่อดีตจนถึงทุกวันนี้

สำหรับภาษาในเรื่องนั้นจะพูดอีสานเป็นหลัก แต่มีแทรกภาษาอังกฤษบ้างเล็กน้อย ซึ่งก็ไม่ต้องห่วงเพราะมีซับไตเติ้ลให้อ่านตลอดทั้งเรื่อง เรื่องานภาพ ฉากต่างๆ มู้ดโทนก็ออกแนวพาสเทลอาร์ตๆ ดูง่าย ไม่ยากเกินไป แต่ผู้กำกับยังใส่ความเกินจินตนาการเข้าไปด้วย จนทำให้เราอาจจะเห็นเรื่องที่ดูแล้วรู้สึกว่า อิหยังวะ อยู่บ่อยๆ แต่ด้วยความที่นักแสดงนั้นเล่นดีเข้าถึงอารมณ์แบบลื่นไหล เลยทำให้ตัวบทนั้นช่วยเสริมความอิหยังวะของแต่ละฉากออกมาได้โดยที่ดูแล้วไม่รู้สึกขัดนั่นเอง

โดยรวมแล้วต้องบอกว่าเป็นภาพยนตร์สืบสวนคอมเมดี้ไทยแท้ ที่ผสมผสานระหว่างแนวสืบสวนและคอมเมดี้ได้อย่างลงตัว บวกกับการยกระดับที่ได้ Netflix มาร่วมกำกับแล้วด้วยยิ่งทำให้หนังโกอินเตอร์ในหลายประเทศได้อย่างแน่นอน ความเข้มข้น ลุ้นระทึก และความตลกฮาที่แฝงมาในแต่ละฉากก็ปล่อยออกมาเรื่อยๆ การันตีโดยตลกแนวหน้าของไทย หม่ำ จ๊กม๊ก ไม่มีผิดหวังแน่นอน