สำหรับเรื่อง 4 Kings 2 เรียกว่าเป็นเหตุการณ์ที่ต่อจากเรื่องราวของภาคแรก ซึ่งจะเน้นเล่าไปที่ความขัดแย้งพร้อมสถาบัน กนกอาชีวะ กับ เทคนิคบุรณพนธ์ ที่จะถ่ายทอดผ่านตัวละครที่ชื่อว่า บ่าง (แสดงโดย แหลม สมพล) หัวหน้าแก๊งอันธพาลของวิทยาลัยกนกอาชีวะ แน่นอนว่าก็ได้เป็นคู่ปรับกับ รก (แสดงโดย จี๋ สุทธิรักษ์) แห่งเทคนิคบุรณพนธ์ ที่เขาได้มารับช่วงจาก เอก (แสดงโดย ทู สิราษฎร์) หลังจากที่เนื้อเรื่องในภาคก่อนนั้นได้ถูกจับไปแล้วและคิดกลับใจไม่มาอยู่ในแก๊งอันธพาลนี้อีก โดยทั้งคู่ได้ปะทะกันจนทำให้ ตุ้มเม้ง (แสดงโดย ท็อป ทศพล) บาดเจ็บสาหัสและเป็นจุดเริ่มต้นของปมความแค้นทั้ง 2 สถาบัน ที่ต้องกลับมาล้างบางแก้มือกันอีกครั้ง
ต้องบอกก่อนว่าสำหรับ 4 Kings ในภาคนี้ก็ยังคงความเป็นหนังอาชญากรรมแนวเด็กช่างตีกัน ได้อย่างดุเดือดเหมือนเดิม และได้สร้างปรากฏการณ์ที่อุเทนกระแสนี้มาแล้วในภาคแรก ซึ่งได้หยิบยกจักรวาลเดิมนี้มาสร้างเรื่องราวต่อให้มีความยิ่งใหญ่มากยิ่งขึ้น และพาทุกท่านดำดิ่งไปสู่เรื่องราวของเด็กนักศึกษาอาชีวะ ที่ไม่ว่าใครก็มองว่าพวกเขาเป็นอันธพาลครองเมืองและสร้างความวุ่นวายให้กับชาวบ้าน เป็นปัญหาของสังคมสืบมาทุกยุคทุกสมัยจากรุ่นสู่รุ่นไม่มีวันจบสิ้นในประเทศไทย
เรื่องราวในภาพนี้ก็ยังคงได้ผู้กำกับและผู้เขียนบทมืออาชีพคนเดิมอย่าง พุฒิ-พุฒิพงษ์ นาคทอง ที่รู้ลึกรู้จริงเรื่องเด็กช่าง มีหลายประเด็นที่ตรงใจเด็กช่างและนำมาใส่ในหนังแบบเรียลๆ แต่ภาคนี้ก็รู้สึกว่า แตกต่างจากภาคแรกที่เคยสร้างไว้ซึ่งน่าสนใจมากก็จริง แต่ก็มีองค์ประกอบโดยรวมที่ทำให้รู้สึกว่าเสน่ห์ของ 4 Kings ไม่สามารถรักษามาตรฐานได้เท่ากับภาคก่อน น่าจะเป็นเพราะโครงสร้างของบทเรื่องนี้นั้นไม่ได้มีอะไรเลย นอกจากองค์ความขัดแย้งของเด็กวัยรุ่นตีกัน แถมยังย้ำในเรื่องของพฤติกรรมการยั่วโมโห กวนเท้า ของแต่ละฝั่งตีกันไปมา จนทำให้เนื้อเรื่องไม่มีแรงนอกจากเจอหน้าแล้วยกพวกตีกันเท่านั้น
หากมองว่า 4 Kings เป็นหนังที่ต้องการสะท้อนให้เห็นพฤติกรรมป่าเถื่อนของวัยรุ่นเด็กแว้นกลุ่มนี้ ก็น่าจะได้คำตอบที่ชัดเจนว่าความคึกคะนอง ที่ได้ทำลงไปนั้นส่งผลเสียมากแค่ไหน แต่กลับกลายเป็นว่าตัวละครต่างๆ ในเรื่องก็ไม่ได้ท่าทีที่รู้สึกว่าผิดหรืออะไร มันเลยทำให้หนังไม่ได้ทำให้คุณดูรู้สึกว่าสะท้อนสังคม และยิ่งทำให้ด้อยค่าความเป็นหนังจากภาคแรกลงไปอีก แถมประเด็นดราม่าต่างๆที่น้ำใสเข้ามาก็รู้สึกว่าไม่ได้มีน้ำหนักพอและค่อนข้างจะน้ำเน่า จนดูเลี่ยนๆ ไปหน่อย
เรื่องดีที่น่าจะเห็นได้ชัดเจนจากภาคนี้คือตัวละครชุดใหม่ที่เล่นประกบคู่กันได้อย่างเข้ากันดีมาก ที่แม้บทของเรื่องจะแย่แค่ไหนแต่ก็ยังถือว่าได้ทีมนักแสดงที่ช่วยประคองเรื่องเอาไว้ได้ เริ่มต้นตั้งแต่ แหลม สมพล เรียกว่าเล่น ฉากดราม่าได้จัดจ้าน อินเนอร์มาเต็ม ทั้งแววตาและ องค์ประกอบหลายอย่างก็ดูออกมาดีไปหมด จนทำให้ตัวละครมีมิติมากขึ้น
ทัพเสริมอย่าง ทู สิราษฎร์, เฟย ภัทร, ท็อป ทศพล และ เบนจามิน วาร์นี ที่แม้จะเป็นตัวมาเสริมเรื่องราวให้น่าสนใจมากขึ้น แต่กลับทำให้องค์ประกอบโดยรวมนั้นดูสมบูรณ์แบบยิ่งกว่าเดิม ที่สำคัญต้องยกไฮไลท์ให้กับ ดี เจอร์ราร์ด กับบทบาทที่ท้าทายเป็นอย่างมาก ซึ่งก็ทำออกมาได้ดีจนน่าประทับใจ เหมือนปลดปล่อย ศักยภาพด้านงานแสดงได้อย่างชัดเจนออกมา จนเรียกว่าเป็นอีกหนึ่งนักร้องที่เล่นหนังได้เกินคาด
ด้านองค์ประกอบอื่นๆ ก็ต้องบอกว่าปรบมือให้กับทีมงานเบื้องหลังที่เตรียมตัวมาอย่างดี ทั้งงานดีไซน์ มุมมอง งานภาพและองค์ประกอบของสภาพแวดล้อมต่างๆ ที่เราเห็นในความใส่ใจรายละเอียดต่างๆ อย่างครบถ้วน มั่นใจเลยว่าหากไม่ได้เตรียมตัวมาดีพอก็คงไม่ได้เห็นผลงานดีๆ แบบนี้ออกมาแน่นอน ถือว่าเป็นผลงานที่ค่อนข้างทำการบ้านมาดีพอสมควร เก็บงานและรายละเอียดในช่วงยุคสมัยและฟีลลิ่งของช่วงนั้นในเรื่องออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
โดยรวมแล้วก็ถือว่า 4 Kings 2 เป็นการกลับมาที่ยังมีรสชาติของความเป็นวัยรุ่นตีกัน เด็กช่างพร้อมบวก ได้อย่างจัดเต็มเหมือนเดิม แม้ตัวบทของหนังจะดูไม่ค่อยมีลูกเล่นหรือมุกอะไรให้ต่อเรื่องราวได้อีกเยอะแล้ว แต่ในเรื่องของความมันส์ และเนื้อหาที่เข้มข้นในการเล่าเรื่องราว รวมไปถึงองค์ประกอบต่างๆ โดยรวมนั้นถือว่าไม่มีที่ติอะไรเลย ดังนั้นจึงพอเข้าใจได้ว่าตัวบทของเรื่อง 4 Kings นี้น่าจะไม่ได้มีสตอรี่อะไรที่มากไปกว่านี้ได้แล้ว เพราะพล็อตของเรื่องค่อนข้างบล็อกปิดกันตัวมันเองอยู่พอสมควร จึงไม่แน่ใจว่าจะมีภาคต่อให้เราได้รับชมกันอีกหรือไม่
สำหรับใครที่ติดตาม 4 Kings มาตั้งแต่ภาคแรกอยู่แล้วก็อยากให้ลองไปรับชมกัน น่าจะเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่สนุก มันส์ และสะท้อนความเป็นวัยรุ่นของสังคมไทยได้เป็นอย่างดี คาดว่าน่าจะอินไปกับเรื่องราวและบรรยากาศของหนังกันบ้างไม่มากก็น้อย เพราะทีมงานใส่ใจรายละเอียดดีมาก รวมไปถึงทีมนักแสดงที่ช่วยประคองให้เรื่องราวในภาคนี้ดูมีความน่าสนใจยิ่งขึ้น และทีมนักแสดงเองก็เล่นบทบาทได้อย่างยอดเยี่ยมเข้าถึงอารมณ์ รวมถึงมีตัวละครที่เซอร์ไพรส์คนดูมากๆ จนกลายเป็นเสน่ห์อีกอย่างนึงของภาคนี้เลยก็ว่าได้ ซึ่งจะน่าสนใจแค่ไหนหรือไม่นั้นต้องลองไปติดตามรับชมกัน