แมนสรวง ผลงานเปิดตัวของค่ายบันเทิงชั้นนำอย่าง บี ออน คลาวด์ ที่นำเสนอภาพยนตร์พีเรียดจัดเต็มด้วยปริศนาที่น่าค้นหา แม้จะมีการมาโปรโมตหนังและทุนที่จำกัด แต่ก็มีเหตุผลที่ชัดเจนเบื้องหลังการตัดสินใจนี้เพราะ แมนสรวง ถือว่าเป็นอีกเรื่องที่มีศักยภาพดีมากในปรากฏการณ์ของวงการภาพยนตร์ไทย ยกระดับมาตรฐาน และกลายเป็นตัวแทนของซอฟต์พาวเวอร์ที่ยิ่งใหญ่สำหรับประเทศไทยเมื่อผู้ชมได้สัมผัสกับความยิ่งใหญ่นี้ด้วยตนเองและไม่ควรพลาด
สำหรับ แมนสรวง จะเล่าเรื่องราวในช่วงปี พ.ศ. 2393 ยุคทองแห่งการค้ากับชาวจีนและต่างชาติ เขม ไพร่หนุ่มผู้หลงใหลการรำละคร ชีวิตของเขากลับต้องพลิกผัน เมื่อถูกใส่ร้ายจนต้องเข้าไปพัวพันกับภารกิจลับที่เสี่ยงชีวิต ทำให้เขมต้องแฝงตัวในสถานที่ลับซึ่งเป็นแหล่งนัดพบของผู้มีอิทธิพลเพื่อเจรจาผลประโยชน์ และเขาค่อยๆ ซึมซับความลับและความจริงอันตรายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังครั้งนี้
แมนสรวง จัดว่าเป็นภาพยนตร์ไทยอีกเรื่องเลยที่โดดเด่นด้วยความพิถีพิถันในทุกรายละเอียด สร้างสรรค์จากแรงบันดาลใจที่ไม่เคยมีมาก่อนในวงการหนังไทย องค์ประกอบต่างๆ ในเรื่องนี้ผสมผสานอย่างลงตัวจนเกิดเป็นรสชาติและจังหวะที่ไม่เหมือนใคร แม้จะมีกลิ่นอายความเป็นอินดี้ แต่ก็ยังคงความเป็นหนังเชิงพาณิชย์ได้อย่างไม่น่าเชื่อด้วย
ต้องบอกอีกว่าภาพยนตร์เรื่องแมนสรวงนี้เองเป็นผลงานการร่วมมือของสามผู้กำกับมากฝีมือ ได้แก่ ชาติชาย เกษนัส ผู้เชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์ผลงานที่ประณีตอยู่แล้ว และ ผศ.ดร.พันพัสสา ธูปเทียน อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาศิลปการละคร บวกกับ ปอนด์ กฤษดา ผู้กำกับหนุ่มไฟแรงที่ยังรับหน้าที่เขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย ซึ่งแม้จะมีผู้กำกับหลายท่าน แต่ แมนสรวง กลับมีความกลมกลืนและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างน่าทึ่ง เพราะการกำกับที่พิถีพิถันและใส่ใจในรายละเอียดในการสร้างภาพยนตร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่หายากในวงการภาพยนตร์ไทย ทำให้เป็นอีกเรื่องที่มีความโดดเด่นในด้านงานสร้างอย่างแท้ทรู
บทหนังของเรื่องก็ถือเป็นจุดขายที่น่าสนใจทีเดียวในวงการหนังไทย ด้วยเนื้อหาที่อัดแน่น โครงเรื่องมาดี บทหนังได้เติมแต่งพล็อตธรรมดาๆ ให้มันน่าสนใจเลย และทีมเขียนบทได้เกลี่ยและจัดวางมิติต่างๆ ของเรื่องราวได้อย่างลงตัว ทั้งในส่วนของดราม่าและพล็อตการสืบสวน ที่ไปได้สุดทางทั้งคู่จริงๆ นับเป็นผลงานที่ควรยกย่องให้กับทีมเขียนบทของเรื่องอย่างมาก
ในส่วนของงานสร้างก็มีความโดดเด่นเป็นพิเศษ คือ การมีองค์ประกอบทางศิลป์ที่ใส่ใจในรายละเอียดอย่างพิถีพิถัน ที่ยอมรับเลยว่าไม่เคยมีมาก่อนในหนังไทยแบบนี้ การออกแบบฉาก เครื่องแต่งกาย การถ่ายทอดบรรยากาศ หลายอย่างมันตรงกับยุคสมัยนั้นได้อย่างสมจริงมากๆ จนเราอินไปกับมันได้แบบไม่มีอะไรสะกิดใจเลย แม้กระทั่งรายละเอียดเล็กน้อยๆ อย่างคราบตะไคร่น้ำบนกำแพงก็สื่อถึงความเก่าแก่และความขลังของสถานที่ได้ เรียกว่าเก็บรายละเอียดได้โคตรดี
แม้ว่าจะนำแสดงโดยทีมนักแสดงหน้าใหม่ในสังกัตเยอะมาก ซึ่งก็มีฝีมือแต่อาจไม่เป็นที่รู้จักกันสักเท่าไร แต่ต้องชื่นชมในความลงตัวของการคัดเลือกนักแสดงในเรื่อง ทั้งนักแสดงนำและสมทบทุกคนสามารถถ่ายทอดบทบาทได้อย่างดี และไม่ได้แย่เลย โดยเฉพาะ อาโป ณัฐวิญญ์ ที่โดดเด่นอย่างมากด้วยการแสดงที่ต้องแบกรับบทบาทหลัก ซึ่งก็ทำได้อย่างไม่มีที่ติเลย และสามารถเป็นแกนหลักของเรื่องราวในการเดินเรื่องได้ต่อเนื่อง แถมยังสามารถประคองการแสดงของนักแสดงคนอื่นๆ ให้ราบรื่นไม่สะดุดอีกด้วย
มาย ภาคภูมิ ก็สามารถแสดงได้อย่างน่าประทับใจ เพราะแม้ว่าจะมีซีนที่น้อยกว่า แต่ก็ไม่ดรอปเลย ยังคงแพรวพราวตั้งแต่ต้นยันจบเรื่อง หรือด้าน ต๋อง ธนายุทธ และบาส อัศวภัทร ที่อาจยังใหม่ในบทบาทแบบนี้ แต่ก็พยายามอย่างเต็มที่ในการถ่ายทอดบทบาทเรื่องราวที่ได้รับ ซึ่งถ้าพูดกันตรงๆ แม้ว่าการแสดงอาจยังไม่ค่อยเป๊ะ แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ดีไม่แพ้กัน
อย่างไรก็ตามในฐานะหนังไทยอย่างเรื่อง แมนสรวง นั้นต้องชื่นชมเลยว่าเป็นการยกระดับมาตรฐานของวงการภาพยนตร์ไทยอย่างเหนือชั้น ด้วยงานสร้างที่พิถีพิถันผสานกับการกำกับที่ลงตัวและทีมนักแสดงที่เหมาะสมกับบทบาททีเดียว ยอมรับเลยว่าเป็นหนังไทยเพียงไม่กี่เรื่องที่กล้าแหวกกรอบเดิมๆ ของหนังผีและหนังตลก ด้วยความคิดสร้างสรรค์เต็มที่ ไม่แน่ว่าหนังไทยอาจมีศักยภาพในการพัฒนาไปได้อีกไกล เพราะเรื่องนี้ได้ปูทางไปเหนือกว่าซอฟต์พาวเวอร์ธรรมดาแล้ว